หมวดหมู่: บทความ

ใกล้จะขึ้นปีใหม่แล้ว เราก็ต้องมีอะไรใหม่ๆกันใช่ไหมค่ะ วันนี้เราจะมานำเสนอ การตกแต่งห้องนอนใหม่กันค่ะ เพราะห้องนอน ถือเป็นห้องที่เราใช้ในชีวิตประจำวันอย่างยาวนานมากที่สุดห้องหนึ่งเลยนะคะ ห้องนอนจึงเป็นต้องที่ระบายอากาศได้ดี สดชื่น ถ้าหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ เช่น ทำทุกวัน อีกทั้งยังหมั่นปรับปรุง จัด ตกแต่งห้องนอนบ่อยๆแล้ว ห้องนอนของเราก็จะปราศจากไรฝุ่น หายใจสดชื่นได้เต็มปอด หลับสบายมากขึ้น ดีต่อสุขภาพมากๆเลยค่ะ แนะนำว่า เราควรจะปรับปรุงห้องนอนของเราอย่างน้อยปีละครั้งนะคะ

ชุดผ้าปูที่นอน 6 ฟุต พร้อมผ้านวม ลาย การ์ตูนญี่ปุ่น ผ้าปูเลือกขนาดได้ 3.5ฟุต , 5ฟุต , 6ฟุต

Sweet Kip Bedding ชุดผ้าปูที่นอน 6 ฟุต พร้อมผ้านวม ผ้าปูเลือกขนาดได้ 3.5ฟุต , 5ฟุต , 6 ฟุต มีลายให้เลือกหลายลาย

?คุณสมบัติ?
✅ ดีไซน์สวยหรู และ ทันสมัย ยอดนิยม
✅ เลือกผ้าปูที่นอน 3.5 ฟุต , 5 ฟุต , 6 ฟุต จำนวน 5ชิ้น และ ผ้านวม ขนาด180x220cm.
✅ สินค้าขายดี ผ้า COTTON นำเข้า ผลิตออกมาให้ผู้ใช้รู้สึกถึงความนุ่มสบายสูงสุด
✅ ยังมีความทนทานมากกว่าผ้าปูที่นอนอื่นๆ ให้คุณได้หลับอย่างสบาย
✅ บนผ้าปูที่นอนที่นอนแสนนิ่มรุ่นนี้ ผลิตจากเส้นด้าย Cotton ที่มีเนื้อผ้านุ่ม
✅ งานเกรด AAA จึงทำให้ได้เนื้อผ้าที่แน่นและลื่น ให้การนอนของคุณเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
✅ คุณจึงสัมผัสได้ถึงความสบายอย่างแท้จริง พร้อมเพิ่มสีสันการใช้ชีวิตของคุณ ให้มีความสุนทรีย์มากยิ่งขึ้น ผ้านุ่ม ท็อปเกรด สีไม่ตก

?ผ้าปูที่นอน เกรด AAA ขนาด 3.5 ฟุต , 5 ฟุต และ 6 ฟุต จำนวน 5 ชิ้น พร้อม ผ้านวม ประกอบด้วย
✔ ผ้าปูที่นอนรัดมุม 1 ผืน ขนาดที่ลูกค้าต้องการ รองรับที่นอนสูงสุดได้ 8-10 นิ้ว
✔ ปลอกหมอนหนุน 2 ใบ
✔ ปลอกหมอนข้าง 2 ใบ
✔ ผ้านวม ขนาด 180×220 cm. 1 ผืน

เลือกซื้อสินค้า คลิกที่นี่

สั่งซื้อสินค้า แอดไลน์ @sweetkip

พอย่างเข้าสู่เดือน มกราคม ของทุกปี สิ่งที่เราต้องเผชิญ ก็คือปัญหาหมอกควัน และ ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพของเราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านทางเดินหายใจ เช่น มีอาการหายใจไม่ออก แสบคอ แสบจมูก น้ำมูกมีเลือดปนเป็นต้น และในระยะยาวก็ยังส่งผลกระทบกับปอดของเราอีกด้วย จะเห็นว่า เจ้าฝุ่นเล็กๆนี้ อันตรายมากๆเลยใช่ไหมค่ะ โดยเราสามารถป้องกันการสูดดมฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยชนิดที่สามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ โดยบนกล่องจะระบุไว้ชัดเจนค่ะ ว่าเป็นหน้ากากอนามัยชนิดป้องกัน PM 2.5 ได้

แต่ว่าจะให้เราใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งนอกบ้านและในบ้าน ก็คงจะอึดอัดน่าดูใช่ไหมค่ะ ไหนจะเวลากิน เวลานอน ก็ไม่สามารถใส่หน้ากากอนามัยป้องกันตัวเองได้ตลอดเวลา ดังนั้น วันนี้ เราจึงนำวิธีการลดฝุ่น PM 2.5 ในบ้านมาฝากกันค่ะ ไปดูกันเลยค่ะ ว่ามีวิธีการอะไรบ้าง

1. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ เป็นอันดับแรกที่เราควรต้องทำเลยค่ะ เพราะเครื่องฟอกอากาศที่ดี จะช่วยกรองอากาศในบ้านให้ปลอดฝุ่น ทั้งฝุ่นขนาดใหญ่ และ ฝุ่นขนาดเล็ก โดยควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ โดยแผ่นกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ จะเรียกว่า แผ่นกรอง HEPA โดยในขณะนี้ เครื่องฟอกอากาศและแผ่นกรอง HEPA ไม่ได้มีราคาสูงมาก ทำให้เราสามารถซื้อมาติดตั้งไว้ที่บ้านได้ หรือถ้าบ้านไหนมีเครื่องฟอกอากาศอยู่แล้ว ก็อย่าลืมหมั่นเปลี่ยนแผ่นกรองทุกๆ 6 เดือน – 1 ปีนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของเราเองค่ะ
2. ตรวจเช็คสภาพบ้าน เราควรตรวจเช็คสภาพบ้าน ว่ามีรอยรั่ว หรือ รอยร้าวตรงไหนบ้าง ก็จัดการซ่อมแซมให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ฝุ่น PM2.5 สามารถเล็ดลอดเข้ามาภายในบ้านเราได้ อีกทั้ง ตรวจเช็คสภาพสีทาบ้านด้วยนะคะ ว่ามีการเสื่อมสภาพหรือไม่ เพราะถ้าหากสีภายในเสื่อมสภาพ ก็จะกลายเป็นฝุ่น ซึ่งอันตรายมากๆเลยนะคะ หากพบว่าสีทาบ้านเสื่อมสภาพก็ควรรีบลอกสีเก่าออกและทาสีใหม่ค่ะ
3. ล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ ปกติแล้วเราจะล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือน – 1 ปี กันใช่ไหมค่ะ คนส่วนใหญ่ก็จะนิยมล้างกันทุกๆ 1 ปี แต่จริงๆแล้ว เราควรจะล้างทุกเดือนค่ะ โดยเฉพาะช่วงเดือนที่มีปัญหาหมอกควัน และ ฝุ่น PM2.5 อาจจะต้องล้างบ่อยขึ้นด้วยนะคะ แต่แนะนำว่า ใช้สเปรย์ล้างแอร์ ที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดมาทำเองจะประหยัดกว่าจ้างช่างแอร์เยอะเลยค่ะ เพราะจุดที่ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ ก็คือ ฟิลเตอร์แอร์นั่นเองค่ะ ส่วนอื่นๆ เราค่อยจ้างช่างทำปีละครั้งก็ยังไหวค่ะ และที่สำคัญนะคะ ล้างฟิลเตอร์แอร์เสร็จแล้ว อย่าลืมติดตั้งแผ่นกรองฝุ่น PM 2.5 หรือ แผ่น Filtreat ด้วยนะคะ
4. หมั่นทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ เราควรที่จะใช้เครื่องดูดฝุ่น ดูดฝุ่นในบ้านเป็นขั้นตอนแรก และ ใช้ผ้าชุบน้ำถูพื้นเป็นลำดับต่อมานะคะ เพื่อจะกำจัดฝุ่นให้ได้มากที่สุด และ อาจจะใช้น้ำยาดันฝุ่น ถูพื้นเป็นลำดับที่สามด้วยก็ได้ค่ะ เพื่อให้สะอาดมากขึ้น นอกจากพื้นและของใช้ต่างๆที่ต้องเช็ดทำความสะอาดแล้ว พวก ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน พรม ผ้าม่าน และผ้าต่างๆ ก็ควรจะเน้นทำความสะอาดนะคะ เพราะผ้าเป็นตัวกักเก็บฝุ่นที่ดีเลยค่ะ
5. หลีกเลี่ยงการสร้างฝุ่นในบ้าน อาจจะงงกันใช่ไหมค่ะ ว่าอะไรคือการสร้างฝุ่นในบ้าน ก็ยกตัวอย่างเช่น การสูบบุหรี่ หรือ การจุดธูปเทียนเพื่อบูชาพระ การเผาขยะ เป็นต้นค่ะ เพราะ นอกจากที่เราจะป้องกันฝุ่นไม่ให้เข้าบ้านแล้ว ตัวเราเองก็ไม่ควรจะสร้างฝุ่นในบ้านด้วยนะคะ
6. ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศภายในบ้าน นี่ก็เป็นวิธียอดฮิตอีกวิธีหนึ่งเลยค่ะ เพราะต้นไม้บางชนิด เช่น ลิ้นมังกร จั๋ง เดหลี ปาล์มไผ่ พลูด่าง พวกนี้จะช่วยลดมลพิษได้ดี และนอกจากจะช่วยดักจับฝุ่นแล้ว ยังช่วยฟอกอากาศ และ รักษาระดับความชื้นในบ้านด้วยนะคะ แต่ว่า ช่วงฤดูกาลของฝุ่น ราคาต้นไม้ก็จะสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยนะคะ แนะนำว่า ควรซื้อต้นไม้ในช่วงที่ราคาไม่แพง และเลี้ยงดูให้ดีค่ะ จะช่วยฟอกอากาศและประหยัดเงินในกระเป๋าด้วยนะคะ ดูวิธีการดูแลต้นไม้ในบ้านได้ที่นี่
7. เปิดบ้านเพื่อถ่ายเทอากาศในเวลาที่ค่าฝุ่นดีที่สุด โดยทุกๆเช้า หรือตอนกลางคืน ฝุ่นจะลอยขึ้นไปอยู่บนชั้นบรรยากาศ ทำให้ค่า PM2.5 ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการเปิดบ้านเพื่อระบายอากาศ ไล่กลิ่นอับ ลดความชื้นในบ้าน โดยอาจจะเปิดบ้านในช่วงเช้า ประมาณ 10-15 นาทีเป็นอย่างน้อย

เป็นยังไงกันบ้างค่ะ กับ 7 วิธี ลดฝุ่น PM 2.5 ในบ้าน อย่างน้อยเราก็สามารถหายใจและใช้ชีวิตแบบปกติในบ้าน แต่ไม่ว่าจะลดฝุ่นยังไง ที่สำคัญคือ ต้องหมั่นทำความสะอาดบ้านบ่อยๆค่ะ เป็นวิธีการลดฝุ่นที่อาจจะเหนื่อยนะคะ แต่ลดได้ดีที่สุดค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดีของเราและคนที่เรารักนะคะ

ปัจจัยในการเกิดโรคภูมิแพ้ของคนไทย ส่วนใหญ่นั้นเกิดจากฝุ่น เพราะอากาศเมืองไทยค่อนข้างแห้ง ทำให้มีฝุ่น กระจายอยู่ทั่วไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน ที่จะมีปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือและภาคกลางของประเทศไทย ทำให้เราเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะไม่เจอฝุ่น แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถป้องกันตัวเองได้ เพื่อลดการเกิดภูมิแพ้ โดยการทำความสะอาดที่อยู่บ่อยๆ และต้องทำอย่างถูกวิธีด้วย ถึงจะช่วยได้จริงๆ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการทำความสะอาดบ้านให้สะอาดหมดจด ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคภูมิแพ้กันค่ะ

1. เก็บของใช้ประเภทผ้า ที่ไม่ค่อยได้ใช้ ไว้ในกล่องที่มีฝาปิดมิดชิด เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่ เพราะเป็นแหล่งสะสมฝุ่นอย่างดีเลย โดยเฉพาะในตู้เสื้อผ้า ดังนั้น ควรเก็บของประเภทผ้า ไว้ในที่ที่ฝุ่นเข้าถึงได้น้อยที่สุด รวมทั้งหมั่นเช็ดทำความสะอาดข้างในตู้เสื้อผ้าเป็นประจำ เพื่อลดฝุ่นในตู้ด้วย
2. ควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอน อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะ ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม และปลอกหมอน ล้วนเป็นที่สะสมของฝุ่น เนื่องมาจาก ตอนที่เรานอนนั้น ผิวหนังที่ตายแล้วของเรา จะหลุดลงไปบนที่นอน ซึ่งผิวหนังของเราที่ตายแล้วนั้น เป็นอาหารชั้นยอดของพวกไรฝุ่นเลยหล่ะ เลยทำให้เกิดฝุ่นสะสมบนที่นอนจำนวนมาก เคยสังเกตุไหมค่ะ ว่าบ่อยครั้งที่เราตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการคัดจมูก นั่นก็เพราะว่ามีฝุ่นสะสมบนที่นอนเราเยอะเกินไปแล้วนั้นเอง และยิ่งใครที่ผิวแห้ง หรือ นำสัตว์เลี้ยงมานอนด้วย ก็ควรจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกๆ 2-3 วันกันเลย
3. ควรหมั่นนำที่นอน หมอน ออกตากแดดบ่อยๆ หรือหมั่นใช้เครื่องดูดดฝุ่น ดูดฝุ่นบนที่นอนและหมอน อาจจะใช้เครื่องดูดไรฝุ่นในการดูดฝุ่นบนที่นอนและหมอน เพื่อไม่ให้มีฝุ่นเกาะเยอะเกินไป โดยหมั่นทำความสะอาดอย่างน้อย อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
4. ลดของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยในบ้าน เราควรทำให้บ้านโล่งๆ เข้าไว้ เพื่อที่จะทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น และลดเวลาในการเช็ดของตกแต่งๆเล็กๆน้อยๆ ทำให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นเพิ่มมากขึ้น
5. ทำความสะอาดโต๊ะ ตู้ ชั้นวางต่างๆ โดยการเช็ดทำความสะอาด โดยอาจจะเช็ดโดยใช้น้ำยาถูพื้น หรือ น้ำยาดันฝุ่น เพื่อกำจัดฝุ่นในที่ต่างๆ โดยทำเป็นประจำทุกวัน แต่ไม่แนะนำให้ใช้ไม้ขนไก่นะคะ เพราะการใช้ไม้ขนไก่ ปัดทำความสะอาดจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายในบ้าน นอกจากจะไม่ช่วยลดฝุ่นในบ้านแล้ว ยังทำให้คัดจมูกอีกด้วยนะคะ
6. กวาดและถูพื้นบ่อยๆ โดยทำเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง โดยบริเวณที่มีฝุ่นเยอะๆ ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพแทนไม้กวาด เพราะไม่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายในบ้าน แล้วใช้ไม้ถูพื้นชุบน้ำหมาดๆ ถูพื้น เพื่อกำจัดคราบสกปรกต่างๆ และขั้นตอนสุดท้าย ก็ควรใช้ไม้ถูพื้นชุบน้ำยาดันฝุ่นเล็กน้อย ถูเป็นรอบสุดท้าย เพื่อเก็บฝุ่นที่ตกค้างในบ้าน
7. ควรหมั่นถอดพรมในบ้านไปทำความสะอาด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพราะพรมนั้นปูอยู่บนพื้น และยิ่งมีขน ยิ่งเป็นตัวเก็บกักฝุ่นที่ดีมากๆเพราะฝุ่น จะไปสะสมในเส้นใยพรม หากไม่ค่อยสะดวกในการถอด อาจใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดฝุ่นที่พรมก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรนำออกไปซักทุกๆสัปดาห์นะคะ หรือถ้าไม่ปูพรมในบ้านเลย ก็เป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวเลือกหนึ่งเลยค่ะ
8. วางพรมเช็ดเท้าที่ทางเข้าบ้านทุกประตู รวมทั้งห้องน้ำด้วย เพราะ การเช็ดเท้าก่อนเข้าบ้าน เป็นการลดปริมาณฝุ่นที่ติดเท้าเราไม่ให้เข้าไปในบ้าน และควรถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้านด้วยนะคะ จะเป็นการแก้ปัญหาฝุ่นในบ้านที่ต้นเหตุอย่างหนึ่งเลย และควรทำความสะอาดจุดวางรองเท้า และพรมเช็ดเท่าบ่อยๆด้วยนะคะ
9. ควรมีเครื่องฟอกอากาศไว้ในบ้าน โดยเครื่องฟอกอากาศที่ดี ควรจะมีไส้กรอง HEPA เพื่อกรองฝุ่น PM2.5 ด้วย และวางเครื่องฟอกอากาศไว้ในที่ที่มีคนอยู่บ่อยๆ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน เป็นต้น เครื่องฟอกอากาศนี้ จะช่วยกรองและดึงอนุภาคจากอากาศเพื่อให้เราหายใจได้สะดวกขึ้น และลดฝุ่นที่ปะปนกับอากาศเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ
10. หมั่นวัดระดับความชื้นภายในบ้าน ไม่ให้อากาศในบ้านแห้งเกินไป โดยค่าความชื้นในบ้านที่เหมาะสม จะอยู่ที่ประมาณ 40% เพื่อลดการเกิดไฟฟ้าสถิตย์ โดยไฟฟ้าสถิตย์นี้จะทำให้ฝุ่นเกาะติดกับพื้นผิวต่างๆในบ้าน ทำให้ยากต่อการทำความสะอาดอีกด้วย

เป็นยังไงกันบ้างค่ะ กับวิธีการทำความสะอาดบ้าน ลดฝุ่น เพื่อป้องกันการเกิดภูมิแพ้ ไม่ยากจนเกินไปใช่ไหมค่ะ ยังไงก็ลองนำไปใช้กันดูนะคะ

ผ้าปูที่นอนและผ้านวมสีพื้นคืออะไร?

คือชุดเครื่องนอนที่มีสีเดียวกันทั้งผืน เช่น สีขาว, สีเทา, สีน้ำตาล, สีน้ำเงิน, สีชมพู เป็นต้น ไม่มีลวดลาย หรืออาจจะมีทอเป็นลายริ้ว เหมือนผ้าปูที่นอนตามโรงแรมใช้

ชุดผ้าปูที่นอน พร้อมผ้านวมสีพื้น จาก sweetkip bedding ผลิตจากผ้าคอตต้อนผสมโพลีเอสเตอร์ ความละเอียด 400 เส้นด้ายต่อตารางนิ้ว ใช้เทคโนโลยีการทอที่ทำให้ได้เนื้อสัมผัสเหมือนผ้าคอตต้อน 100% หรือเรียกกันง่ายๆว่า ผ้าไมโครเท็กซ์นั่นเองค่ะ ผ้าที่ได้จึงมีความนุ่ม ละเอียด ไม่แข็ง ระบายอากาศได้ดี แถมยังกันไรฝุ่น ซักง่าย แห้งเร็ว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แถมราคายังสบายกระเป๋ามากๆเลยค่ะ

ชุดผ้าปูที่นอนพร้อมผ้านวมของเราจะมี 3 ขนาดค่ะ คือ 3.5 ฟุต , 5 ฟุต และ 6 ฟุตค่ะ

โดย 1 ชุด จะประกอบไปด้วย

1. ผ้าปูที่นอนแบบรัดมุม 1 ผืน
2. ปลอกหมอนหนุน 2 ใบ
3. ปลอกหมอนข้าง 2 ใบ
4. ผ้านวมขนาด 200 x 220 เซ็นติเมตร 1 ผืน

สามารถเลือกสีได้ตามนี้เลยค่ะ

(รูปผ้านวมลายริ้วทั้ง 9 สี)

สั่งซื้อสินค้าได้ที่นี่ >> (ลิงค์สินค้า)

สำหรับท่านใดที่ต้องการสินค้าในปริมาณมาก กรุณาติดต่อ

Line : @sweetkip

สั่งซื้อชุดผ้านวม สีพื้น ราคาถูกได้ที่นี้เลย

LAZADA  https://bit.ly/3vRwSxR
SHOPEE https://bit.ly/35TkL8M

ด่วน สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า กลับมาระบาดในประเทศไทยอีกแล้ววว มีรายงานผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง น่ากลัวมากๆ เลยใช่ไหมค่ะ แต่ว่า อย่าวิตกกังวลและกลัวจนเกินเหตุนะคะ วันนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการทำความสะอาดบ้าน ให้ปลอดภัยจากไวรัสโคโรน่า หรือ Covid-19 กันค่ะ

แต่ก่อนจะไปทำความสะอาดบ้าน เรามารู้กันก่อนนะคะ ว่าเจ้าไวรัสวายร้ายชนิดนี้ ถ้าออกมาอยู่นอกร่างกายของคนและสัตว์แล้ว มันอยู่บนพื้นผิวแต่ละประเภทได้นานแค่ไหนกัน โดยระยะเวลาที่ไวรัส covid-19 จะอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างๆดังนี้

• บนวัสดุต่าง ๆ เช่น พื้น โต๊ะ ลูกบิดประตู 7-8 ชั่วโมง 
• ในผ้าหรือกระดาษทิชชู 8-12 ชั่วโมง 
• ในน้ำ 4 วัน
• ในตู้เย็นหรือที่ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส ประมาณ 1 เดือน

จะเห็นว่า เชื้อไวรัสจะมีชีวิตอยู่ในสภาพพื้นผิวแต่ละประเภทได้นานไม่เท่ากันเลยนะคะ เราเลยต้องหมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยเจลแอลกอฮอลล์ 70% หรือ น้ำสบู่ เป็นประจำ เมื่อเราล้างมือแล้ว อุปกรณ์ เครื่องใช้ สิ่งของต่างๆในบ้าน เราก็ต้องทำความสะอาดเช่นเดียวกันนะคะ เพราะเราไม่ทราบเลย ว่าจะมีเชื้อไวรัสเกาะอยู่บนพื้นผิวหรือไม่ โดยการเลือกน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาดต่อไปนี้

• Hydrogen Peroxide 0.5-7.0%
• Benzalkonium Chloride 0.05% 
• Chloroxylenol 0.12%  
• Ethyl Alcohol 70% 
• Iodine in Iodophor 50 ppm  
• Isopropanol 50% 
• Povidone-iodine 1% 
• Sodium hypochlorite (น้ำยาฟอกขาว) 0.1-0.5% 
• Sodium Chlorite 0.23% 
• Cresol Soap 1%

เมื่อเราทราบแล้ว ว่าเจ้าเชื้อไวรัส วายร้าย อยู่บนพื้นผิวได้นานแค่ไหน และ ต้องใช้สารอะไรในการทำความสะอาด ว่าแล้วเราก็ไปหาซื้อน้ำยาทำความสะอาด ใส่แมส และไปทำความสะอาดบ้านกันเลยค่ะ หลักๆที่สำคัญที่เราต้องทำความสะอาดบ่อยๆ ก็มีดังนี้เลย

1. เสื้อผ้า ของใช้จำพวกเสื้อผ้า ไม่เว้นแม้กระทั่ง ผ้าเช็ดหน้า, ผ้าเช็ดตัว, ผ้าม่าน, ผ้าปูที่นอน, ผ้าห่ม หรือ ของสำคัญมากๆ อย่างเช่นหน้ากากผ้า เนี่ย เราต้องซักด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิตั้งแต่ 60-90 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 25 นาที โดยซักน้ำร้อน ร่วมกับการใช้น้ำยาซักผ้าที่เราใช้ประจำได้เลยค่ะ
2. อุปกรณ์ที่มีด้ามจับ เช่น ไม้กวาด, ไม้ถูพื้น, แปรง และอุปกรณ์อื่นๆ ควรหลีกเลี่ยงการพ่นแบบสเปรย์ เพราะจะทำให้เชื้อโรคฟุ้งกระจายได้ ทางที่ดี ควรใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดด้ามจับพวกนั้นจะดีที่สุด
3. ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ หรือ แอลกอฮอลล์ 70% ในการทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ เช่น โทรศัพท์มือถือ, แท็ปเล็ต, คอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งรีโมตคอนโทรลต่างๆ แล้ววางทิ้งไว้ให้แห้งก่อนนำมาใช้
4. การล้างห้องน้ำและสุขภัณฑ์ต่างๆ ควรราดน้ำยาฟอกขาวทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงทำความสะอาดตามปกติด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำ
5. หลังจากการใช้ชักโครกแล้ว ควรปิดฝาก่อนกดล้างน้ำ เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อโรคต่างๆ ไปในอากาศ หรือ อาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ ที่เป็นก้อนกลมๆ น้ำสีฟ้า ใส่ลงไปในถังพักน้ำ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคได้
6. บริเวณที่เป็นพื้นที่เสี่ยง ที่จะมี น้ำมูก, น้ำลาย, เสมหะ หรือสารคัดหลั่งอื่นๆของคนในบ้าน เช่น อ่างล้างหน้า, ท่อระบายน้ำ เป็นต้น ให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเจือจางในอัตราส่วน 1:9 ราดทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ก่อนล้างทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดตามปกติ
7. บริเวณพื้นผิวทั่วๆไป เช่น โต๊ะ เก้าอี้ บานประตู ลูกบิด ราวบันได เตียงนอน สามารถใช้น้ำยาถูพื้นหรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนประกอบของสารฆ่าเชื้อโรคที่กล่าวมาข้างต้น ทำความสะอาดได้เลย โดยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาด
8. บริเวณพื้นผิวโลหะ หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ควรทำความสะอาดด้วย แอลกอฮอลล์ 70% แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง พื้นผิวชนิดนี้ ไม่ควรใช้น้ำยาฟอกขาว เพราะ น้ำยาฟอกขาวจะไปทำปฏิกิริยากับโลหะ เกิดฤทธิ์กัดกร่อนโลหะ อาจทำให้เครื่องใช้เสียหายได้
9. หลังจากทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าลืม ฆ่าเชื้อที่อุปกรณ์ทำความสะอาดด้วยนะคะ เช่น ด้ามจับไม้กวาด ไม้ถูพื้น ล้างถังถูพื้นด้วยน้ำร้อน หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ อุปกรณ์อันไหนที่ต้องทิ้งก็อย่าลืมทิ้งลงถุงขยะและรัดปากถุงให้แน่นนะคะ
10. เปิดประตู หน้าต่าง เพื่อระบายอากาศในบ้าน

เป็นยังไงบ้างค่ะ กับวิธีการทำความสะอาดบ้านที่นำมาฝากในวันนี้ คงเหนื่อยน่าดูนะคะ แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำบ่อยๆ เพราะเชื่อไวรัส Covid-19 ค่อนข้างน่ากลัว ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็ควรระวังเอาไว้ เพราะอย่างที่เราทราบกันอยู่แล้ว ว่าเชื้อชนิดนี้ จะเข้าไปทำลายปอดและอวัยวะภายใน หากรุนแรงก็เกิดอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว ดังนั้น นอกจากที่เราจะหมั่นล้างมือ สวมแมสแล้ว การทำความสะอาดบ้าน หรือพื้นที่อยู่อาศัยอยู่เป็นประจำก็สามารถป้องกันตัวเองและคนรอบข้างให้ปลอดภัยได้นะคะ

ในช่วงการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 แบบนี้ หลายๆคนก็ต้อง Work From home กันยาวๆ เลยใช่ไหมค่ะ การสร้างบรรยากาศในบ้าน ให้เหมาะแก่การ Work From Home นั้น เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากเลยค่ะ เพราะหลายๆบรรยากาศในบ้าน ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการทำงานซักเท่าไหร่ อาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเราลดลงไปด้วย ดังนั้น การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงานก็มีความสำคัญมากๆเลยใช่ไหมค่ะ

Jonathan Adler นักออกแบบและตกแต่งภายในที่มีชื่อเสียงในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แนะนำเทคนิค และ วิธีในการตกแต่งบ้าน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการทำงาน แต่ว่าเขามีแนวคิดการแต่งบ้านที่แปลก และไม่เหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป นะคะ เพราะเขาเชื่อว่า “การแต่งบ้านให้สวยงาม ช่วยลดความเครียดในการทำงานยิ่งเสียกว่าการรับประทานยาแก้เครียดเสียด้วยซ้ำ” วันนี้เราจะนำหลักการนี้ มาแนะนำให้กับท่านผู้อ่านได้นำไปตกแต่งบ้าน ให้เหมาะสมกับการทำงานกันค่ะ

• ควรมองเรื่องการทำงานที่บ้านเป็นเรื่องที่ต้องทำในระยะยาว

Alder แนะนำว่า เราควรจะใช้วิกฤตครั้งนี้ แต่งบ้านสำหรับการทำงานในระยะยาวไปเลย เพราะว่า เราอาจจะไม่ได้ทำงานที่บ้านในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน หรือไม่กี่สัปดาห์ เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 ในครั้งนี้อาจยาวนานหลายปีเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งคิดที่จะซื้อบ้านหลังใหม่ในช่วงเวลาแบบนี้เลยนะคะ Alder แนะนำว่า เราควรจะจินตนาการถึงบ้านที่เป็นห้องโล่งๆ แล้วเริ่มนับ 1 ใหม่ในการแต่งบ้านนั่นเอง

• ไม่ควรยึดติดกับฟังก์ชั่นต่างๆของห้องมากเกินไป

จากที่เราเข้าใจมาตลอดว่า ห้องต่างๆ ต้องมีฟังก์ชั่นการใช้งานเฉพาะของตัวเอง เช่น ห้องครัวมีไว้ทำอาหาร, ห้องนอนมีไว้นอน ห้องนั่งเล่นมีไว้ผ่อนคลาย เป็นต้น แต่ Alder แนะนำว่า “ชีวิตของเราจะมีความสุขมากกว่า ถ้าไม่ยึดติดกับวัตถุประสงค์ของห้องมากเกินไป” แปลว่า ถ้าหากเราสามารถปรับเปลี่ยนมุมต่างๆของห้องให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานได้ เราก็จะมีพื้นที่ทำงานที่หลากหลาย ไม่ซ้ำซาก จำเจ หรืออาจจะเปลี่ยนพื้นที่บางส่วนให้กลายเป็นที่ทำงาน เช่น อาจเปลี่ยนพื้นที่เก็บของใต้บันได ให้เป็นพื้นที่นั่งกินข้าว แล้วเปลี่ยนพื้นที่รับประทานอาหารเดิมให้กลายเป็นพื้นที่ทำงาน หรือ อาจจะเปลี่ยนพื้นที่ห้องรับแขกที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนมาเยี่ยมเราซักเท่าไหร่ มาเป็นพื้นที่นั่งทำงานแทนก็ได้

• สร้างมุมสำหรับการประชุมออนไลน์ ที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง

แน่นอนว่า การทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home นั้น คงหนีไม่พ้นกับการประชุมออนไลน์ และ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายๆคน ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องพื้นที่ที่เหมาะสมกับการประชุม เช่น บ้านรก, ฉากหลังไม่สวยงาม เป็นต้น ในส่วนนี้ Alder แนะนำว่า เราต้องมีพื้นที่สำหรับการประชุมออนไลน์ แม้ว่า เราจะไม่มีห้องทำงานเลยก็ตาม เพราะ ภาพพื้นหลังในขณะที่เราประชุมออนไลน์นั้น จะบ่งบอกถึงความเป็นตัวเรา และยังจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ และ ข้อคิดเห็นหรือสิ่งที่เราต้องการออกไปให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

• สภาพแวดล้อมที่ดี ช่วยลดความเครียดได้

นอกจากการสร้างมุมการประชุมออนไลน์ให้สวยงามแล้ว การตกแต่งบ้านในส่วนอื่นๆก็สำคัญไม่แพ้กัน อาจะมีการนำรูปภาพศิลปะเก๋ๆ, ต้นไม้ในกระถางสวยๆ หรือ เฟอร์นิเจอร์ที่เราชอบ ไปวางไว้ในจุดต่างๆของบ้าน เพราะความสวยงาม และสภาพแวดล้อมที่ดี เป็นส่วนสำคัญมากๆที่จะช่วยลดความเครียดได้ นอกจากนี้ หากมีพื้นที่เหลือ อาจจะนำเก้าอี้พักผ่อน มาวางไว้ข้างๆโต๊ะทำงาน เพื่อผ่อนคลายยามที่เราเมื่อยล้าจากการทำงานได้